Bangpakok Hospital

โรคอุจจาระร่วง

3 เม.ย. 2568

ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วง (Diarrhea) คืออาการถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชม. โดยทั่วไปอาการท้องเสียมักเกิดขึ้น และอาจหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน หรือด้วยการทานยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาผงถ่านคาร์บอน โดยอาการท้องเสียหรืออุจจาระร่วง มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย  ไวรัส หรือพยาธิ ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้ร่างกายขาดสารน้ำจนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้ามีอาการท้องเสียที่มีมูกเลือดปน ตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์

ท้องเสีย มีกี่แบบ

อาการท้องเสีย สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามระยะเวลาของการเกิดอาการ ได้แก่

  • ท้องเสียแบบเฉียบพลัน (Acute diarrhea) เป็นอาการท้องเสียทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยจะมีอาการประมาณ 1-3 วัน จากนั้นโดยส่วนมากอาการจะทุเลาลงและค่อย ๆ หายไปเอง โดยไม่ต้องใช้ยารักษาโรค
  • ท้องเสียแบบต่อเนื่อง (Persistent diarrhea) เป็นอาการท้องเสียแบบต่อเนื่องประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ท้องเสียแบบเรื้อรัง (Chronic diarrhea) เป็นอาการท้องเสียแบบต่อเนื่องเกิน 4 สัปดาห์ หรือเป็นๆหายๆ ต่อเนื่องเรื้อรังเป็นระยะเวลายาวนาน

อุจจาระของผู้ที่มีอาการท้องเสีย มีลักษณะโดยทั่วไป 2 แบบ

  • อุจจาระเป็นมูกเลือด หรือถ่ายเหลวมีเลือดปน ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้อง มีไข้ รู้สึกอยากขับถ่ายเป็นระยะแต่ถ่ายออกไม่มาก ร่วมกับอาจมีอาการปวดเบ่งที่ทวารหนัก
  • อุจจาระเหลวเป็นน้ำ มีสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อน ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อุจจาระจะมีสีขาวขุ่น คล้ายน้ำซาวข้าว อุจจาระมีกลิ่นคาว หรืออาจมีมัน คล้ายไขมัน ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง ปวดเกร็ง ปวดบิด ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน โดยปริมาณของอุจจาระในการถ่ายแต่ละครั้งอาจมีปริมาณมากจนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากและมีภาวะขาดสารน้ำได้

ท้องเสีย มีสาเหตุจากอะไร

ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วง ส่วนมากมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตที่ปะปนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่

  • การติดเชื้อไวรัสในกระเพาะอาหาร และลำไส้ (Viral gastroenteritis)
  • การติดเชื้อไวรัสโรต้า (Rotavirus) ไวรัสที่มักพบเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือปรสิตในระบบทางเดินอาหาร ผ่านทางอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด หรืออาหารเป็นพิษ
  • การรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรืออาหารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารอาหาร
  • โรคซีลิแอค (Celiac disease) หรืออาการแพ้กลูเตน (Gluten) ในอาหารจำพวกแป้งบางชนิด เช่น แป้งสาลี
  • โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  • อาการแพ้น้ำตาลแลคโตส น้ำตาลฟรุกโตส หรือแพ้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
  • ยารักษาโรคบางชนิด เช่นยาปฎิชีวนะ ยาต้านมะเร็ง และยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
  • ความผิดปกติในการดูดซึมอาหาร (Malabsorption of food)
  • โรคมะเร็งตับอ่อน หรือตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ตับอ่อนทำหน้าที่ในการผลิตน้ำย่อย หากมีภาวะอักเสบจะทำให้ระบบการย่อยและการดูดซึมไขมันทำได้ไม่ดี ทำให้มีอาการถ่ายเหลวในที่สุด
  • เนื้องอกที่กระตุ้นให้ฮอร์โมนในลำไส้เพิ่มการหลั่งสารคัดหลั่ง ทำให้ถ่ายเหลว
  • รังสีรักษา (Radiotherapy)

ท้องเสียมีอาการอย่างไร

ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วงมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรง ทั้งนี้อาการท้องเสียในระดับที่รุนแรงอาจมีความเชื่อมโยงกับโรคที่มีความซับซ้อนบางชนิดที่ต้องได้รับวินิจฉัย และทำการรักษาโดยแพทย์ อาการของโรคท้องเสียมีดังนี้

  • ปวดท้อง ปวดเกร็ง หรือปวดบิด
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • มีไข้ ปวดศรีษะ
  • หน้าแดง และผิวแห้ง
  • อุจจาระมีเลือดปน
  • อุจจาระมีมูก หรือเมือกปน
  • ถ่ายอุจจาระบ่อย

อาการท้องเสียในผู้ใหญ่ ที่ควรรีบไปพบแพทย์

  • มีอาการท้องเสียต่อเนื่อง ตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป โดยอาการไม่ทุเลาลง
  • มีภาวะร่างกายขาดสารน้ำ (dehydrated) เช่น ปากแห้ง ไม่ถ่ายปัสสาวะเป็นเวลานานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป หรือมีอาการเวียนศึรษะขณะลุกเปลี่ยนท่า
  • มีอาการปวดท้อง บริเวณช่องท้องด้านล่าง หรือทวารหนักอย่างรุนแรง
  • ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรืออุจจาระมีเลือดปน
  • มีไข้สูงเกินกว่า 39 องศาเซลเซียส
  • อาการท้องเสียในทารก และเด็ก ที่ควรรีบไปพบแพทย์

อาการท้องเสียในเด็ก และทารกสามารถจะนำไปสู่ภาวะขาดสารน้ำอย่างรวดเร็ว ขึ้นภายใน 24 ชม. หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้น ควรรีบนำส่งแพทย์

ภาวะแทรกซ้อนของอาการท้องเสีย

อาการท้องเสียอาจทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดสารน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะขาดสารน้ำเป็นอันตรายอย่างยิ่งในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หากผู้ที่ท้องเสีย มีสัญญาณของภาวะขาดสารน้ำอย่างรุนแรง ให้รีบนำส่งแพทย์ โดยเร็วที่สุด

ท้องเสีย สามารถป้องกันได้ โดยวิธีการดังนี้

  • ปฎิบัติตนตามหลักสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดด้วยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ ทำความสะอาดมือและ อุปกรณ์ในการรับประทานอาหารก่อนและหลังการรับประทานอาหาร เป็นวิธีสำคัญในการป้องกันโรคท้องร่วง และช่วยการป้องกันโรคท้องเสียได้
  • รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรตาไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการท้องเสีย โดยเฉพาะในเด็กทารก 1 ปีขึ้นไป
  • การเก็บรักษาอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่รับประทานอาหารที่เสีย หรือบูด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเสมอ และจัดเก็บในภาชนะปิด
  • หลีกเลี่ยงอาหาร และน้ำที่ไม่สะอาด

ที่มาข้อมูล : กรมควบคุมโรคติดต่อ

ติดตามช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 3

Facebook : https://www.facebook.com/bangpakok3

LINE O/A : https://page.line.me/947ptrfh

YouTube : https://shorturl.asia/qjUJc

TikTok : https://shorturl.asia/dP5Z0

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.